เทพนิยายแห่งบัวโนสไอเรส จาก 1978 สู่ 2022

เมื่อพูดถึงทีมชาติอาร์เจนติน่าแล้ว ทุกคนมักนึกถึงแชมป์โลกปี 1986 ที่นำทัพโดย ‘เสือเตี้ย’ ดิเอโก้ มาราโดน่า ราชาลูกหนังผู้ล่วงลับ วันนี้เลยอยากพูดถึงถ้วยทองคำในปี 1978 กันสักนิดหนึ่ง
แข้งชื่อดังที่สุดที่พอจะคุ้นหูกันคงจะเป็น มาริโอ้ เคมเปส เพชฌฆาตมาดชาวร็อคของ ‘ไอ้ค้างคาว’ บาเลนเซีย ซึ่งพกฟอร์มแจ่มจรัสมาให้ ‘ฟ้าขาว’ ด้วยการซัดไป 68 ประตู จาก 80 เกมส์ ให้ต้นสังกัด ณ เวลานั้น และอีกคนคือ ดาเนี่ยล เบร์โตนี่ ในฐานะตัวริมเส้นจาก อินเดนเพนเดนเต้ ที่ได้ขยับตูดย้ายสัมมะโนครัวมายังประเทศสเปน หลังทำผลงานได้อย่างเข้าตา จน เซบีย่า อดใจใช้บริการ Mobile Banking ไม่ไหว (สมัยนั้นยังไม่มี!)
คู่ต่อกรของพวกเขาในยุคนั้น ล้วนเต็มไปด้วยตำนานจอมคลาสสิคมากมาย เช่น ‘เจ้าเป็ดน้อย’ รูดี้ โวลเลอร์ และ ‘ไอ้หนูแก้มแดง’ คาร์ล ไฮน์ซ รุมมิเนเก้ สองสไตรเกอร์จากเยอรมนีตะวันตก, ‘ไอ้ขี้โกง’ เปาโล รอสซี่ วีรบุรุษนักสู้แห่งปราโต้ จากทีมชาติอิตาลี, ‘นโปเลียนลูกหนัง’ มิเชล พลาตินี่ ดาวรุ่งเฟร้นช์แมน วัย 23 ปี ผู้ก้าวขึ้นมาคว้าบัลลงดอร์ 3 สมัยภายหลัง และ ร็อบ เรนเซนบรินค์ หัวหอก ‘กังหันลมไร้มงกุฎ’ ที่กลายเป็นกำลังหลักแทนที่ ‘นักเตะเทวดา’ โยฮันน์ ครัฟฟ์ ที่ประกาศรีไทร์ก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่มได้หนึ่งปี
ใครทันดูคงถูกขานเรียกด้วยสรรพนาม ‘คุณลุง’ เป็นอย่างน้อย เพราะเรื่องราวมันก็ผ่านมากว่า 44 ปีแล้ว จะให้มุดช่องคลอดออกมาปุ๊ป ดูปั๊บ ก็เป็นไปไม่ได้อีก
อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าเหล่าขาประจำจอเงิน คงพอคุ้นชื่อยอดนักเตะข้างต้นกันไม่มากก็น้อย ก็คงพอพูดได้ว่า ทีมชาติอาร์เจนติน่า ปี 1978 ก็ถือเป็น Underdog หรือทีมรองบ่อนอยู่เหมือนกัน เนื่องจากแข้ง ‘ฟ้าขาว 78’ ส่วนมากยังลงเล่นในทวีปอเมริกาใต้กันอยู่เลย
ครั้งนี้ก็ไม่ต่าง ทีมชาติฝรั่งเศส ในฐานะแชมป์เก่าและความครบเครื่องต้มข่าไก่ มีดีกรีและความสมดุลในทีมระดับ God Tier เป็น Final Boss ด่านสุดท้าย ต้องมาลุ้นกันว่า อาร์เจนติน่า จะสามารถคว้าเหรียญทองกลับ บัวโนสไอเรส ได้อีกครั้งหรือไม่.
เขียนโดย What The Fluke
The Lite Team.

